“อสุรกายภูมิ” เป็นภูมิของโอปปาติกกำเนิด อีกมติหนึ่งซึ่งเป็นที่อยู่ของผู้ที่ทำบาปไว้และต้องไปเสวยผลของบาป มีชีวิตเป็นอยู่อย่างแร้นแค้นฝืดเคือง ขาดเครื่องอุปโภคบริโภค ทุกข์ยากลำบาก กาย จิตใจหดหู่เหี่ยวแห้งไม่สนุกสนานรื่นเริง เข้าในลักษณะที่ว่าหน้าเศร้าอกตรม
“อสุรกาย” หรือ “อสุรกายภูมิ” คือภพภูมิของสัตว์ซึ่งจัดเป็นอบายภูมิอีกประเภทหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับเปรตมาก ซึ่งสัตว์ที่กล่าวถึงนี้ก็คือ “อสุรกาย” จนบางครั้งทำให้เราเข้าใจสับสนจนไม่สามารถแยกแยะได้ว่า อย่างไหนเป็น “เปรต” อย่างไหนเป็น “อสุรกาย”
“อสูร” หรือ “อสุรกาย” หมายถึง อบายภูมิภูมิหนึ่ง ที่เป็นที่เกิดของผู้กระทำอกุศลกรรมไว้เป็นอบายภูมิที่ไม่ทุกข์ทรมานเหมือนนรกหรือเปรต แต่สัตว์ที่เกิดในภูมินี้ไม่มีความร่าเริง ไม่มีความเจริญ สถานที่อยู่ใกล้มนุษย์ แต่กำเนิดเป็นอสุรกาย
ในอภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา หน้าที่ 203 ได้ให้คำนิยามของ “อสูร” ไว้ว่า
สัตว์ทั้งหลายพวกที่ชื่อว่าอสูร เพราะอรรถว่าไม่เล่น (อย่างเทวดา) คือเล่นโดยความเป็นใหญ่และเป็นกีฬาเป็นต้นก็หาไม่ ได้แก่ พวกเปรตที่เป็นอสูร ฯ ส่วนเวปจิตติอสูรนอกนี้ ชื่อว่า อสูรเพราะอรรถว่า ไม่ใช่เทวดา คือ เป็นข้าศึกของเทวดาฯ ก็ในบทว่า อสุรกายนี้ หมายเอาพวกอสูรที่เป็นเปรตเท่านั้น มิได้หมายเอา พวกเวปจิตติอสูรนอกนี้”
ความหมายของอสุรกายตามพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์ ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต)
“อสุรกาย” หมายถึง “ภพแห่งสัตว์เกิดในอบายพวกหนึ่ง เป็นพวกสะดุ้ง หวาดหวั่นไร้ความรื่นเริง”
ความแตกต่างระหว่าง “อสุรกาย” กับ “เปรต”
“อสุรกายภูมิ” จัดเป็นอบายภูมิอันดับที่ 3 เป็นปรโลกในฝ่ายทุคติภูมิ ที่ชื่อว่า “อสุรกายภูมิ” เพราะเป็นสถานที่ปราศจากความร่าเริง
สัตว์โลกที่ละจากอัตภาพของมนุษย์ไปสู่ภูมิแห่งอสุรกาย หรือว่าสัตว์นรกผู้หมดกรรมจากมหานรกมาเกิดเป็นอสุรกาย ย่อมไม่ได้รับความบันเทิงใจ ไม่มีความสนุกสนานร่าเริงอย่างโลกมนุษย์ จะต้องได้รับทุกขเวทนาอย่างเผ็ดร้อนจากผลกรรมชั่วที่ตนกระทำไว้ครั้งยังเป็นมนุษย์ เป็นระยะเวลาที่สุดแสนจะยาวนาน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทุกข์ทรมานเบาบางกว่าในมหานรก อุสสทนรก และยมโลกียนรก (ยมโลก) อยู่มากมายนัก
อสุรกายภูมิอยู่ที่ไหน
สัตว์ผู้ได้ชื่อว่าเป็น “อสุรกาย” จะมีรูปร่างลักษณะโดยทั่วไปคล้ายกันกับสัตว์จำพวกเปรต ต้องเสวยผลแห่งกรรมและทุกขเวทนาที่คล้ายคลึงกันกับที่เปรตได้รับเป็นอย่างมาก แม้แต่ภูมิที่อยู่อันเป็นที่ตั้งของอสุรกายภูมิก็ปรากฏว่าอยู่ในที่แห่งเดียวกัน นั่นก็คือ อสุรกายภูมิตั้งอยู่ใต้เขาสิเนรุ อยู่ในซอกเขาอีกชั้นหนึ่ง จัดว่าอยู่ในภูมิเดียวกับเปรตนั่นเอง แต่ว่าอสุรกายนั้น จะต่างกันก็แต่ว่าอสุรกายนั้นจะมีลักษณะความเป็นอยู่ที่แตกต่างออกไปจากเปรต
ความเป็นอยู่ของอสุรกาย
หากจะกล่าวถึงชีวิตความเป็นอยู่ของอสุรกายทั้งหลาย อสุรกายก็มีชีวิตอยู่อย่างแสนทุกข์ซ้ำลำเค็ญเช่นเดียวกับเหล่าเปรตโดยส่วนมาก เช่น อสุรกายบางตนมีสรีระร่างกายน่าเกลียดพิลึก มีร่างกายที่ผ่ายผอม ตัวสูงชะลูดนับได้เป็นร้อยเป็นพันวาขึ้นไป เนื้อและโลหิตในสรีระร่างกายดูเหมือนไม่มีสักนิด มีแต่หนังหุ้มกระดูก เหมือนสัตว์ที่ตายซาก ปรากฏให้เห็นประดุจดังใบไม้แห้ง กลิ่นตัวเหม็นสาบเหม็นสางอย่างสุดประมาณ มีดวงตาเล็กเท่ากับตาของปูที่เราเห็นกันอยู่ในมนุษยโลก และตาไม่ได้ตั้งอยู่ที่ใบหน้าเหมือนอย่างตาของมนุษย์โดยทั่วไป แต่ว่าตั้งอยู่บนศีรษะตรงกระหม่อมบ้าง ตรงที่อื่นๆ ที่มิใช่ที่ควรตั้งอยู่บ้าง อสุรกายบางชนิดจะมีปากเล็กมาก ประมาณเท่ารูเข็ม ตั้งอยู่ในตำแหน่งบนศีรษะ ตรงกลางกระหม่อม ใกล้ๆ กับดวงตาบ้าง
นอกจากอสุรกายจะมีรูปร่างแปลกประหลาด พิลึกกึกกือ น่าสมเพช น่าทุเรศดังที่ได้กล่าวมาแล้ว อสุรกายทั้งหลายยังมีความเป็นอยู่อย่างแสนจะลำบากยากเย็น ต้องเผชิญกับความหิวกระหายอยู่ตลอดเวลา ด้วยการเสาะแสวงหาอาหารที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะอสุรกายนั้นมีตาที่เล็ก ไม่ได้สัดส่วนเหมาะสมกับร่างกายซึ่งสูงชะลูด มิหนำซ้ำยังตั้งอยู่บนศีรษะกลางกระหม่อมเสียอีก ทำให้พวกอสุรกายนั้นมักจะมองไม่เห็นอาหาร หรือหากจะมองเห็นได้ก็กระทั่งยาก
แม้เมื่อพบเจออาหารแล้ว จะกินอาหารแต่ละครั้งก็ยังลำบากกว่าอีก เพราะว่าตำแหน่งที่ตั้งของปากนั้น ตั้งอยู่กลางกระหม่อมบนศีรษะบ้าง ตรงที่อื่นๆ ที่ไม่เหมาะไม่ควรแก่การกินอาหารบ้าง เวลาจะกินอาหารจึงต้องเอาหัวปักลงมาข้างล่างเอาเท้าเหยียดขึ้นบน ต้องทำอย่างนี้เท่านั้นจึงจะสามารถกินอาหารได้ และกว่าอาหารจะเข้าปากไปได้ก็สุดแสนจะลำเค็ญ เพราะว่ามีปากเล็กๆ เท่ารูเข็มเท่านั้น ต้องเสวยกรรมเป็นอสุรกายผู้น่าสงสาร ทนทุกข์ทรมานเพราะความหิวกระหาย ความทุกข์ทนกระวนกระวายอยู่เช่นนี้ นับเป็นเวลาหลายพันหลายหมื่นปี จนกว่าจะหมดสิ้นบาปอกุศลกรรมที่ตนได้เคยทำไว้
กรรมที่ทำให้เกิดเป็นอสุรกาย
การเกิดมาเป็นอสุรกายนี้ นับว่ามีความทุกข์ทรมานอันแสนสาหัสถึงเพียงนี้ ทั้งนี้ ก็เพราะผลแห่งการกระทำชั่วเมื่อครั้งเกิดเป็นมนุษย์นั่นเอง
อกุศลกรรมที่ทำให้เกิดมาเป็นอสุรกาย ก็ได้แก่ ในเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ เป็นคนมีความโลภ มีความอยากได้ของผู้อื่นมาเป็นของตนในทางมิชอบ เช่น เกิดความโลภขึ้น กระทำทุจริตกรรมด้วยการลักขโมย ปล้นสะดม หรือฉ้อโกงทรัพย์สมบัติของผู้อื่นมาเป็นสมบัติของตนในทางที่มิชอบ ไม่รู้จักทำมาหากินประกอบอาชีพให้สุจริต เห็นผู้อื่นมีทรัพย์สมบัติ ก็เกิดความอิจฉาริษยา ปรารถนาจะทำลายทรัพย์ของผู้อื่นให้เสียหาย ให้เขาต้องพรากจากทรัพย์ของเขาด้วยวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใด เพราต้องการอยากจะเอามาเป็นสมบัติของตน แล้วก็ลงมือกระทำการเพื่อแย่งชิงสมบัติของผู้อื่นมาเป็นของตนได้ในที่สุด
นอกจากนี้ อกุศลกรรมที่เคยเป็นคนละโมบโลภมาก ไม่สนใจบาปบุญคุณโทษ แม้ของพระของสงฆ์ก็ยังยักยอก ฉ้อโกงมาเป็นของตนเอง ฉ้อโกงเอาสิ่งของหรือปัจจัย 4 ที่มีผู้ศรัทธาอุทิศถวายแก่สงฆ์ โดยการถวายทำเป็นสังฆทานบ้าง ก็ไปยักยอก คดโกงเอามาเป็นของตนเอง หรือเห็นเขาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เพื่อประโยชน์แก่คนส่วนรวม ก็ไปยึดมาเป็นของส่วนตน เมื่อไม่สามารถนำมาเป็นของตนได้ดังใจหมาย ก็หาทางทำลายไม่ให้ผู้อื่นได้ใช่สอยหรือบริโภคเป็นส่วนรวมได้ ถือว่าเป็นคนพาลอย่างแท้จริง ครั้นสิ้นชีพวายชนม์ไปจากโลกนี้แล้ว ด้วยวิบากแห่งอกุศลกรรมที่ได้ทำไว้นั้น ก็พลันพาให้ไปเกิดในนรก ต้องตกนรกหมกไหม้อยู่ด้วยไฟนรกสิ้นกาลนาน ครั้นสิ้นกรรมจากนรกแล้ว ปรากฏว่ายังมีเศษแห่งอกุศลกรรมยังเหลืออยู่ ยังไม่หมดสิ้นไปเสียทีเดียว จึงต้องมาถือกำเนิดเกิดในภูมิแห่งอสุรกายนี้ ต้องเสวยทุกขเวทนาอันกล้าแข็งและยาวนานไปจนกระทั่งวันที่หมดสิ้นกรรมในที่สุด