ทุกชีวิตล้วนแล้วแต่มีปัญหา
หนทางชีวิตของคนเราไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบเหมือนกันหมดทุกคน และแม้แต่กระทั่งคนที่คุณคิดอิจฉาเขาอยู่ในใจว่า ทำไมชีวิตของเขาช่างเลิศหรู ดูดี มีระดับจังเลย มองไปเห็นเขาทุกครั้ง คุณก็จะเห็นเขามีแต่ความสุข แต่ใครบ้างล่ะ จะรู้ว่าลึกๆ แล้ว เขาเหล่านั้นก็มีช่วงชีวิตที่มีปัญหาเหมือนกันกับคุณ เพียงแค่เขาเหล่านั้น ไม่ได้แสดงออก หรือตีโพยตีพายประกาศโฆษณาให้ใครต้องมารับรู้กับปัญหาที่เขาต้องได้ประสบพบเจอ
คนเราทุกคนต่างก็มีช่วงชีวิตที่ย่ำแย่ มีปัญหาและอุปสรรค ความขัดข้อง โอกาสไม่อำนวย พอพระศุกร์จะเข้า พระเสาร์ก็ดันมาแทรกเสียอย่างงั้น อยู่ที่ว่าใครจะสามารถรับมือกับปัญหาที่คอยถาโถมเข้ามาในชีวิต
คุณรู้หรือไม่ว่า ปัญหาที่แวะเวียนเข้ามาในชีวิตของคุณในแต่ละครั้งนั้น เป็นเครื่องวัดกำลังกายและกำลังใจของคนว่า คุณมีความสามารถ มีศักยภาพในการรับมือกับปัญหาเครื่องทดสอบเหล่านี้ได้ดีสักเพียงใด หรือในทางตรงกันข้าง คุณอาจไม่สามารถที่จะรับมือ ฝันฝ่าปัญหาและอุปสรรคเหล่านั้นไปได้เลยแม้แต่ครั้งเดียวในชีวิต ชีวิตของคุณก็จะกลายเป็นผู้แพ้ตลอดกาล
คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต และผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิตมาแล้ว คนเหล่านี้มักจะมีภูมิคุ้มกัน และเติบโตขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง ทีนี้เราจะมาเรียนรู้ และทำความเข้าใจกับวิธีการรับมือกับปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตของเราว่า มีขั้นตอนการรับมืออย่างไร
1. ยอมรับ
ในขั้นตอนแรก คุณต้องทำใจยอมรับให้ได้ก่อนว่ามันเป็นปัญหา และมันได้เกิดขึ้นกับคุณแล้วจริงๆ ไม่ใช่หลอกตัวเองไปวันๆ ว่ามันไม่ใช่ปัญหาของคุณ หรือคุณพยายามหนีปัญหา
คุณอาจจะหนีปัญหาได้ในบางครั้ง หรือบางเวลา แต่เชื่อเถอะว่า ปัญหาที่ยังไม่ได้รับการชำระสะสางหรือเคลียร์ให้จบตั้งแต่แรกอย่างถูกวิธี มันจะตามไล่ล่าคุณอย่างไม่มีวันจบวันสิ้น จากปัญหาเล็กๆ ก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ตามมา ยากที่จะแก้ไขได้
ในลำดับแรกนี้ คุณต้องยอมรับให้ได้ ตั้งสติให้ดี แล้วค่อยๆ หาวิธีการแก้ไขปัญหานั้นอย่างมีสติ
2. เรียนรู้
ขั้นต่อมาคือคุณต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้ พยายามสาวหาสาเหตุหรือต้นเหตุแห่งปัญหานั้นว่า มันมีสาเหตุมาจากอะไร อะไรที่ส่งผลให้เกิดปัญหาความยุ่งยากในครั้งนี้ ปัญหาเกิดขึ้นจากคนอื่น หรือเกิดขึ้นจากตัวคุณเอง
เพราะถ้าหากปัญาเกิดขึ้นจากคนอื่น หรือมีคนอื่นเข้ามาเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหา อันนี้แก้ยากสักนิดหนึ่ง เพราะเราต้องพยายามไปอธิบายให้เขาเข้าใจ หรือทำให้เขายอมรับ หรือไม่ก็พยายามหลีกหนีออกจากบุคคลที่เป็นต้นตอของปัญหานั้นเสีย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะต้องคิดอยู่เสมอว่า “ทุกปัญหาล้วนมีทางออกของมันเสมอ”
ถ้าหากปัญหานั้นเกิดมาจากตัวคุณเอง อันนี้แก้ได้ไม่ยาก ก็เริ่มต้นจากการแก้ไขที่ตัวของคุณเอง เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างของตัวคุณเอง และแก้ไขพฤติการณ์ของตัวคุณที่เป็นต้นเหตุของปัญหานั้นๆ เท่านี้ก็สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้แล้ว
ในข้อนี้นั้น พูดน่ะเป็นเรื่องง่าย แต่เวลาปฏิบัติเข้าจริงๆ อาจไม่ใช่เรื่องหมูอย่างที่คิด เพราะตัวคุณเองนั้นมีกำแพงทางความคิด มีทิฏฐิสูงมาก เพราะน้อยคนนักที่จะยอมรับว่าตัวเองเป็นคนผิด ตัวเองเป็นสาเหตุของความผิดพลาดทั้งมวล
ส่วนมากก็คอยแต่โทษคนนั้นทีโทษคนนี้บ้าง ก็เลยหาความผิดความบกพร่องของตัวเองไม่เจอ แบบนี้ ก็ยากที่จะแก้ไขให้ตรงจุดได้ ปัญหาก็ยังคงสะสมพอกพูนเรื่อยไป
คุณอาจเป็นคนหนึ่งที่มีพฤติการณ์แบบที่ว่านี้ก็ได้ ทดลองสำรวจตัวเองดูนะครับ เพราะถ้าปล่อยให้ตัวเองเป็นคนจมไม่ลง ไม่ยอมรับผิดเองเสียบ้าง ใครๆ ก็ช่วยคุณไม่ได้ เรื่องนี้เป็นปัจจัตตัง คือ สิ่งที่พึงรู้ได้เฉพาะตน คนอื่นใครเล่าจะช่วยคุณได้
แต่ถ้าหากปัญหาทั้งหมดทั้งมวล ไม่ได้มีสาเหตุเกิดขึ้นจากคนอื่น ไม่ได้เกิดขึ้นจากตัวของคุณ แต่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของระบบ หรือสาเหตุความผิดปกติผิดพลาดของสิ่งแวดล้อมภายนอก สภาพดินฟ้าอากาศ ระบบไฟฟ้า ระบบแรงดัน ฯลฯ
แบบนี้ก็ไม่ต้องไปโทษใครๆ ให้เสียเวลา ไม่ต้องหาคนผิดมารับผิดชอบ หรือนำตัวมาลงโทษ เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร สิ่งที่เสียหายไปแล้วก็ไม่สามารถกลับมาได้ดังเดิม ซ้ำร้ายก็ยังสร้างความร้าวฉาน หรือความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อนร่วมงาน หรือความสัมพันธ์ส่วนบุคคลอย่างไม่ได้ตั้งใจ
วิธีการที่ควรทำก็คือ แก้ไขที่ต้นเหตุของปัญหาหรือความเสียหายอันนั้น ค่อยๆ ระดมความคิด ความรู้ ความสามารถ แก้ไขปัญหานั้นอย่างตรงจุด ในไม่ช้าก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ ฟื้นฟูหรือสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ได้ ซึ่งอาจจะได้ของดีหรือวิธีการที่ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ
เพราะเรียนรู้จากสิ่งที่พลาด มาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ อีกทั้งไม่ต้องกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวบุคคลใดๆ เลย
3. การเริ่มต้นใหม่
ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ความผิดพลาดหรือปัญหา รวมถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งนั้น ย่อมทำให้จิตใจของคุณนั้นไม่อาจยอมรับได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
หลายคนเฝ้าแต่พร่ำเพ้อ คร่ำครวญ คอยตั้งคำถามว่า ทำไมสิ่งเหล่านี้จึงต้องจำเพาะเจาะจงมาเกิดกับตัวเรา กับคนที่เรารัก กับทรัพย์สินเงินทอง กับธุรกิจและสถานประกอบการของเราด้วย
การคอยแต่โทษคนนี้ คนนั้น โทษดินฟ้าอากาศ โทษโชคชะตา โทษเวรโทษกรรม โทษเทวดาอารักษ์ โทษสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยแต่จะจ้องกลั่นแกล้งทำร้าย ลงโทษ ไม่ให้ความเป็นธรรมกับเรา การคิดแบบนี้ ต้องบอกเลยว่า ไม่ได้ช่วยแก้ไขให้สถานการณ์หรือช่วยแก้ไขปัญหาอะไรได้เลย ซ้ำร้ายยังจะทำให้สถานการณ์ยุ่งเหยิง ปัญหาเกิดความยุ่งยากซับซ้อนมากยิ่งขึ้นไปอีก
การเริ่มต้นใหม่ ตั้งหลักใหม่ ตั้งสติใหม่ น่าจะเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาได้ดีที่สุด เพราะอย่างไรเสีย ปัญหาก็เกิดแล้ว ความสูญเสียได้เกิดขึ้นแล้ว ความเสียหายก็ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ต้องยอมรับความจริงให้ได้ และเริ่มต้นใหม่ โดยการค้นหาต้นสายปลายเหตุของปัญหา และพิจารณาดูว่า จะเริ่มต้นแก้ไขที่จุดไหนก่อนดี จะเริ่มต้นสร้าง จะเริ่มต้นทำ จะเริ่มต้นแก้ไข หรือจะเริ่มต้นค้นหา ณ จุดใด หรือตรงไหนก่อนดี แล้วค่อยๆ แก้ไขไปตามลำดับขั้นตอนของปัญหาที่พอจะทำได้ก่อนเป็นอันดับแรก ในส่วนที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ ก็รอคอยจังหวะเวลาที่เหมาะสม หรือช่วงที่มีความพร้อมเสียก่อนค่อยแก้ไขในภายหลังก็ยังไม่สายไป สำคัญที่สุดก็คือ คุณพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่หรือยัง
อย่ากลัวที่จะเริ่มต้นใหม่ อย่ากลัวที่จะต้องเปลี่ยนแปลง และอย่ากลัวที่จะเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง เพราะการเริ่มต้นใหม่ อาจจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีกว่าเดิมก็ได้ ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสและสวยงามกว่าเสมอ
จงอย่าลืมว่า เมื่อเกิดปัญหาใดๆ ขึ้นมากับคุณ ไม่ว่าปัญหานั้นยากหรือง่าย จะเป็นปัญหาเล็กหรือใหญ่ จะเป็นปัญหาที่มีความยุ่งยากซับซ้อนแค่ไหน เพียงใดก็ตาม เพียงแค่คุณใช้ 3 ขั้นตอนนี้ ไปใช้ในการแก้ไขรับมือกับปัญหา แล้วชีวิตของคุณก็จะง่ายขึ้นอย่างแน่นอน อย่าลืมนำไปทดลองใช้กันดูนะครับ รับรองได้ผลดีเกินคาด นี่ถ้าไม่รักกันจริง ก็คงไม่บอกนะครับ จะบอกให้…