pin up1 winaviator mostbetpinup casino1 winmostbet kzmosbet casinoaviatorlucky jet1 winpin up casino india1win slotlucky jet casinopinup az4r betmosbet indiamosbet aviatormostbet casino1win kz1 win4rabet indiapin-up kzmosbetmosbet1 win1win1win aviatorpin upparimatchlucky jet4rabetмостбет1win loginpin up 777mostbet1 вин авиаторpin uplucky jet1 winpin up4rabetpinupmosbet1 winmostbet azluckygetmostbetmosbetmostbet casino1wınparimatch

โลกุตรภูมิ

โลกุตรภูมิ คือ ภูมิที่พ้นจากโลก หรือภูมิที่พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด หรืออย่างน้อยที่สุดก็คือ เป็นภูมิที่ก้าวเข้าสู่ความเป็นพระอริยบุคคล ที่จะได้บรรลุความเป็นพระอรหันต์ หมดอาสวกิเลสอย่างสิ้นเชิงได้ในที่สุด ซึ่งโลกุตตรภูมินี้ สามารถจำแนกแยกย่อยออกได้เป็น 4 ภูมิ คือ

1. ภูมิของพระโสดาบัน 

เป็นภูมิลำดับแรกในโลกุตรภูมิ เป็นภูมิที่พ้นจากภพ 3 ของผู้ถึงกระแสพระนิพพาน เป็นพระอริยบุคคลชั้นต้น ผู้ที่เป็นพระโสดาบัน มีคุณวิเศษสามารถละสังโยชน์ได้ 3 อย่าง คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส จะกลับมาเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ 

2. ภูมิของพระสกิทาคามี 

เป็นโลกุตรภูมิลำดับที่ 2 เป็นภูมิที่พ้นจากภพ 3 ของผู้ที่จะกลับมาเกิดอีกเพียงครั้งเดียว ผู้ที่จะเข้าถึงสภาวะของความเป็นพระสกิทาคามี จะต้องผ่านความเป็นพระโสดาบันก่อน พระสกิทาคามี มีคุณวิเศษสามารถละสังโยชน์ที่พระโสดาบันละได้ และสามารถขจัดสังโยชน์เพิ่มอีก 2 ตัว คือ กามราคะ และปฏิฆะ ให้เบาบางลงได้อีกด้วย 

3. ภูมิของพระอนาคามี 

เป็นโลกุตรภูมิลำดับที่ 3 ของโลกุตรภูมิ ซึ่งจะต้องเจริญภาวนาผ่านความเป็นพระโสดาบัน และพระสกิทาคามีมาตามลำดับ จึงจะเข้าถึงภาวะแห่งความเป็นพระอนาคามี พระอนาคามีมีคุณวิเศษสามารถละสังโยชน์เบื้องต่ำทั้ง 5 อย่าง ซึ่งละสังโยชน์ต่อจากพระสกิทาคามีอีก 2 อย่าง คือ กามราคะ และปฏิฆะ ผู้ที่เป็นพระอนาคามี เมื่อละโลกแล้ว จะบังเกิดในพรหมชั้นสุทธาวาสและบรรลุพระอรหันต์บนนั้น ไม่กลับมาเกิดอีก 

4. ภูมิของพระอรหันต์ 

เป็นโลกุตรภูมิลำดับสุดท้าย อันเป็นภูมิขั้นสูงสุดของโลกุตรภูมิ เป็นเป้าหมายอันสูงสุดของมวลมนุษยชาติ การจะเป็นพระอรหันต์จะต้องเจริญภาวนาผ่านความเป็นอริยบุคคลทั้ง 3 ขั้นมาตามลำดับ แล้วจึงจะเข้าถึงภาวะแห่งความเป็นพระอรหันต์ได้ คุณวิเศษของพระอรหันต์ คือ นอกจากละสังโยชน์เบื้องต่ำได้ 5 ประการแล้ว ในขั้นนี้สามารถละสังโยชน์เบื้องสูงอีก 5 ประการ คือ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา เมื่อละกิเลสได้หมดแล้ว ได้ชื่อว่าเป็นพระอรหันต์ อันเป็นการทำกิจของการเกิดเป็นมนุษย์ได้สมบูรณ์แล้ว เป็นผู้มีความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ อย่างเต็มเปี่ยม เป็นผู้ที่ควรแก่การบูชา และได้ชื่อว่าเป็นทักขิไณยบุคคลโดยแท้

 โลกุตรภูมิ คือ ภูมิหรือชั้นที่พ้นจากภพ 3 คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ หมายถึง ระดับจิตของพระอริยบุคคลที่พ้นจากกิเลสโดยเด็ดขาดตามลำดับ และรวมถึงอมตมหานิพพานด้วย ได้แก่ มรรค 4 ผล 4 และนิพพาน 1 หรือเรียกว่า โลกุตรธรรม 9 ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของมนุษย์ทุกคน

พระอริยบุคคลผู้บรรลุธรรมวิเศษมีโสดาปัตติมรรคและโสดาปัตติผลเป็นต้น มนุษย์หรือเทวดาก็สามารถปฏิบัติตนเพื่อเข้าถึงความเป็นอริยบุคคลได้เหมือนกัน

ศัพท์ที่มีความเกี่ยวข้องกับโลกุตรภูมิ ที่ต้องทำความเข้าใจในเบื้องต้นมีดังนี้    

ปุถุชน คือ ผู้ที่ยังหนาแน่นด้วยกิเลส คนที่มีกิเลสมาก หมายถึง คนธรรมดาทั่วไปที่ยังตกอยู่ในอำนาจกิเลส ทั้งโลภะ โทสะ และโมหะ รวมถึงเหล่าเทวดาที่ยังมิได้บรรลุธรรมในขั้นต่างๆ ด้วย     

อริยบุคคล คือ ผู้ไกลจากกิเลส หรือ บุคคลผู้บรรลุธรรมวิเศษ มีโสดาปัตติมรรค เป็นต้น ไม่ทำบาป อกุศลแม้เพียงเล็กน้อย สามารถสละชีวิตของตนได้เพื่อรักษาคุณธรรมเอาไว้ อีกทั้งมีความบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา ใจ จึงได้รับการขนานนามว่า พระอริยเจ้า และไม่ว่าจะอยู่ในเพศภาวะของบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ เป็นมนุษย์หรือเทวดาก็เป็นพระอริยบุคคลได้เหมือนกัน 

อนุสัย คือ กิเลสที่แฝงตัวนอนเนื่องอยู่ในสันดาน มี 7 ประการ คือ 

  1. กามราคะ ความกำหนัดยินดี
  2. ปฏิฆะ ความหงุดหงิด
  3. ทิฏฐิ ความเห็นผิด
  4. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย
  5. มานะ ความถือตัว
  6. ภวราคะ ความกำหนัดในภพ
  7. อวิชชา ความไม่รู้ 

สังโยชน์ คือ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ หรือธรรมที่มัดใจสัตว์ไว้กับ ทุกข์ มี 10 ประการ คือ

โอรัมภาคิยสังโยชน์ คือ สังโยชน์เบื้องต่ำ 5 ประการ ได้แก่ 

  1. สักกายทิฏฐิ ความเห็นเป็นเหตุถือตัวถือตน
  2. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย
  3. สีลัพพตปรามาส ความถือมั่นในศีลพรต
  4. กามฉันทะ ความพอใจในกามคุณ
  5. พยาบาท ความคิดแค้นผู้อื่น และ

อุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูง 5 ประการ ได้แก่

  1. รูปราคะ ความติดใจในรูปธรรมอันประณีต
  2. อรูปราคะ ความติดใจในอรูปธรรม
  3. มานะ ความถือตัวว่าเป็นนั่นเป็นนี่
  4. อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน
  5. อวิชชา ความไม่รู้จริง

หากจะกล่าวโดยสรุปแล้ว โลกุตตรภูมิ ก็หมายถึงภูมิที่พ้นไปจากภพทั้ง 3 คือ กามภพ รูปภพ และอรูปภพ นั่นเอง และหมายถึงพระอริยบุคคลโดยย่อ 4 จำพวก และโดยละเอียด 8 จำพวก หรือจะกล่าวว่า โลกุตตรภูมิหมายถึง มรรค 4 ผล 4 และ นิพพาน 1 รวมเป็น โลกุตตรธรรม 9 ก็ถูกต้องเช่นเดียวกัน…

แพรวพราวดอทคอม/

praewprouds.com

“แพรวด้วยความรู้

พราวด้วยประสบการณ์”