pin up1 winaviator mostbetpinup casino1 winmostbet kzmosbet casinoaviatorlucky jet1 winpin up casino india1win slotlucky jet casinopinup az4r betmosbet indiamosbet aviatormostbet casino1win kz1 win4rabet indiapin-up kzmosbetmosbet1 win1win1win aviatorpin upparimatchlucky jet4rabetмостбет1win loginpin up 777mostbet1 вин авиаторpin uplucky jet1 winpin up4rabetpinupmosbet1 winmostbet azluckygetmostbetmosbetmostbet casino1wınparimatch

เจริญสติ รักษาจิต สู้โควิด-19

ตอนที่ 1

ทำไมชีวิตถึงต้องเครียด ยิ่งโควิด-19 มาก็ยิ่งเครียด”

ทำไมชีวิตถึงต้องเครียด

            ประสบการณ์ชีวิตของคนเราตั้งแต่วันแรกที่เราลืมตาขึ้นมาดูโลก และเปล่งเสียงร้องออกมาทักทายให้โลกรู้ว่า เราได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาในโลกนี้แล้วอย่างเป็นทางการ แต่ทุกท่านเคยสังเกตหรือตั้งคำถามกับตัวเองบ้างหรือไม่ว่า ตั้งแต่วันแรกที่เราได้ลืมตามาดูโลก ณ วันนั้น ทำไมเราถึงต้องเปล่งเสียงร้องไห้ แทนที่จะเป็นเสียงหัวเราะ หรือเสียงอย่างไรก็ได้ที่แสดงออกมาในรูปรอยแห่งความสุข แทนที่เสียงร้องไห้ ซึ่งเป็นตัวแทนของความทุกข์ร้อนกระวนกระวาย

การเปล่งเสียงร้องไห้ของเด็กทารกแรกคลอด สื่อความหมายออกมาได้ว่า การเกิดนี้เป็นทุกข์ ผู้ที่เป็นแม่ต้องทุกข์ทรมานกับภาวะของการตั้งครรภ์หรือการผดุงครรภ์ ผู้ที่เป็นทารกน้อยก็ต้องทุกข์ทรมานตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ในเวลาคลอดมารดาก็ต้องทุกข์ทรมานแสนสาหัส ต้องเสวยทุกขเวทนาด้วยความเจ็บปวด ปากก็กรีดร้องโหยหวนดูเวทนาน่าสงสาร เจ็บปวดราวถูกหักกระดูก 200 ท่อนพร้อมๆ กัน เรียกว่าคนเป็นแม่ต้องเสี่ยงเอาชีวิตของตนเข้าแลก เพื่อให้ได้เห็นหน้าลูกน้อยผู้ที่ตนตั้งตารอคอยด้วยความรักและความหวังตั้งเกือบปี

หากจะกล่าวถึงตัวทารกน้อยในท้องของคุณแม่บ้าง ในวันคลอดรอดออกมาลืมตาดูโลกนั้น ก็แสนเจ็บปวดทรมาน ด้วยว่าต้องกำแทรกร่างกายอันอ่อนนุ่มบอบบาง ผ่านช่องแคบที่รัดรึงตรึงแน่นออกมาสู่โลกภายนอก ต้องปวดเนื้อแสบตัว ทุกข์ทนทรมานยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้เอง ทารกแรกเกิดทุกคนจึงต้องเปล่งเสียงร้องไห้ทันทีเมื่อได้ลืมตามาแลดูโลกเป็นครั้งแรก แทนที่จะหัวเราะร่าออกมาอย่างมีความสุข

            การที่ให้ทุกท่านได้ร่วมกันสังเกตและตั้งคำถามอย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นนั้น ก็เป็นเพียงการชวนให้คิด สะกิดใจให้ได้ตั้งคำถาม เพื่อหาคำตอบ หรือหาข้อสรุปร่วมกันว่า แท้จริงแล้ว ชีวิตของคนเราทุกคน ล้วนแล้วแต่เกิดมาเพื่อเสวยอารมณ์แห่งความทุกข์ทรมานทั้งสิ้น เมื่อผู้เขียนกล่าวเช่นนี้ หลายท่านอาจจะมองว่าผู้เขียนทำไมเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายเช่นนี้ ชีวิตคนเราไม่ได้โชคร้ายถึงขั้นนั้นหรอก ชีวิตคนเรามีทั้งทุกข์และสุขปะปนกันไป หรือสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป กล่าวแบบนี้ต่างหากถึงจะถูกต้อง

            จริงอยู่ จังหวะชีวิตมีทั้งความสุขและความทุกข์สลับปรับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป แต่ถ้าหากเราพิจารณาดูให้ดีแล้วก็จะเห็นความจริงข้อหนึ่งว่า แม้แต่สิ่งที่เราเข้าใจว่าเป็นความสุขก็ล้วนแล้วแต่มีความทุกข์ปนเปื้อนเจือปนอยู่เช่นกัน

ทุกท่านเคยสังเกตหรือตั้งข้อสงสัยบ้างหรือมไม่ว่า  อะไรก็ตามที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุข มีความภาคภูมิใจ มีความประทับใจที่ได้ครอบครอง ที่ได้หวงแหน สิ่งนั้นทั้งหมด ย่อมสร้างความทุกข์ให้กับจิตใจของเราทุกครั้งไป

เพราะเมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกรัก หวงแหน ภาคภูมิใจ ตั้งความหวังไว้กับใคร หรือกับสิ่งใด จิตใจของเราก็ย่อมจะจดจ่อ จับจดอยู่กับคนๆ นั้น หรือสิ่งนั้นๆ โดยพยายามควบคุม สั่งการ หรือคาดหวังอยากจะให้เป็นไปอย่างที่ใจเราต้องการ หรืออย่างน้อยที่สุดก็พยายามที่จะให้คนๆ นั้น หรือสิ่งๆ นั้นคงอยู่ในสภาวะแบบเดิม ในแบบที่เราต้องการไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเราเข้าไปทำใจให้มีความรู้สึกอย่างที่ว่านี้แล้ว หากว่าสิ่งเหล่านั้นไม่เป็นไปอย่างที่ใจเราอยากจะให้เป็น จิตใจของเราเองนี่แหละที่จะต้องตกอยู่ในสภาวะทุกข์ทนทรมาน ฟุ้งซ่าน กระสับกระส่าย กระวนกระวาย หงุดหงิด โมโห ฯลฯ

ที่ต้องเกริ่นกล่าวเสียยืดยาวอย่างนี้ ก็เพราะต้องการให้เห็นพ้องต้องกันว่า ถ้าหากเราลองพิจารณาดูให้ถี่ถ้วนและไม่คิดเข้าข้างตัวเองมากจนเกินไปแล้วก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ชีวิตของคนเรามีแต่เรื่องทุกข์ มีแต่เรื่องเครียดอยู่ตลอดเวลา เพราะธรรมดาสภาวการณ์ของชีวิตเป็นเช่นนี้ ชีวิตต้องทุกข์ ชีวิตต้องเครียดกับสภาวะคือความเกิด ความแก่ ความเจ็บไข้ได้ป่วย และความตาย อันเป็นเรื่องทุกข์ประจำสังขาร ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตายไป

ความเกิดเป็นจุดเริ่มต้นของความเครียดทั้งหมดทั้งมวล เพราะเมื่อคนเราเกิดมาแล้ว ร่างกายต้องผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านความหิวกระหาย ผ่านบาดแผลความเจ็บป่วย ความคร่ำคร่าชราภาพไปตามกาลเวลา ต้องผ่านเบียดเบียนบีบคั้นจากสภาพแวดล้อมภายนอก และความเปลี่ยนแปลง บั่นทอน ถดถอย เสื่อมสลายไปตามสภาพโดยตัวของสังขารร่างกายเอง เหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่ทำให้คนเราต้องทุกข์ ล้วนแล้วแต่ทำให้จิตใจของคนเราต้องเครียดทั้งสิ้น

นอกจากความทุกข์ ความเครียดอันเกิดจากสังขารร่างกายแล้ว สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะมองข้ามไปเสียมิได้ เลยนั่นก็คือ สภาพจิตใจ จิตใจที่ถูกทำร้ายด้วยความผิดหวัง ความพลัดพราก ความจำทน ความโศกเศร้าเสียใจอาลัยรัก อันมีผลสืบเนื่องมาจากภาวะทางสังคมที่เสื่อมถอย การเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพ เศรษฐกิจที่ตำต่ำย่ำแย่ และโรคระบาดที่สร้างความวิตกกังวล ความหวาดกลัวและความหวาดหวั่นพรั่นพรึงต่อการใช้ชีวิต สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีผลโดยตรงต่อความเครียด และส่งผลลบต่อสภาพจิตใจของคนเราได้ทั้งสิ้น นั่นจึงเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า “ทำไมชีวิตถึงต้องเครียด”

ยิ่งโควิด-19 มาก็ยิ่งเครียด

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโรคโควิด-19 ซึ่งมีจุดกำเนิดมาจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน สันนิษฐานกันว่า สาเหตุของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้  มาจากค้างคาวชนิดหนึ่งเป็นพาหะนำโรค ซึ่งเริ่มมีการแพร่ระบาดมาตั้งแต่ช่วงปลายปี พ.ศ. 2562 และแพร่ระบาดไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยของเรา

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องมีมาตรการล็อคดาวน์ (ปิดเมืองหรือปิดประเทศ) ในหลายๆ ประเทศ ส่งผลโดยตรงต่อภาวการณ์ทางเศรษฐกิจ รายได้ และการประกอบอาชีพของผู้คนในวงกว้าง จนกระทั่งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มเข้าสู่ภาวะที่ผ่อนคลายและมีทีท่าว่าจะจบลงได้ในช่วงกลางปีถึงปลายปี พ.ศ. 2563

จนกระทั่งในช่วงปลายปี พ.ศ. 2563 ราวเดือนตุลาคมเป็นต้นมา สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็กลับมาระบาดรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2564 ซึ่งสาเหตุของการระบาดของเชื้อไวรัสในระลอกใหม่นี้มาจากแรงงานชาวเมียนมาร์ที่เข้ามาทำงานในจังหวัดสมุทรสาคร นำเชื้อไวรัสมาแพร่ระบาดในพื้นที่ ส่งผลให้เชื้อไวรัสแพร่ระบาดไปได้อย่างรวดเร็ว

จากการเปิดเผยข้อมูลตัวเลขของผู้ติดเชื้อในจังหวัดสมุทรสาครในช่วงแรกพบว่า มีผู้ติดเชื้อมากกว่าห้าร้อยคนในครั้งเดียว และตัวเลขผู้ติดเชื้อก็เพิ่มมากขึ้นๆ ลุกลามขยายวงกว้างมากขึ้น ทั้งในจังหวัดสมุทรสาครและในจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระลอกใหม่นี้ ทำให้ผู้คนที่เริ่มฟื้นตัวได้จากภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในช่วงที่ผ่านมา กลับมาได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจในระลอกใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โดยปกติคนเราก็มีเรื่องให้เครียด เรื่องให้ทุกข์ เรื่องให้คิดมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการประกอบอาชีพ การทำมาหากินของผู้คน ทำลายระบบเศรษฐกิจให้พินาศพังทลายลงได้ในพริบตาเดียว

การถูกจำกัดเวลาในการเปิดสถานประกอบการ การปิดสถานประกอบการบางประเภท การจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันที่เคยทำได้แบบปกติ ก็กลับทำไม่ได้เป็นปกติเช่นเดิมอีกต่อไป

เมื่อสังคมประเทศชาติต้องตกอยู่ในสภาวการณ์เช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้คนเรายิ่งทวีความเครียดเพิ่มขึ้นเป็นอีกหลายเท่าตัว

เครดิตภาพจาก : https://kasetsanjorn.com/1933/

ใส่ความเห็น