เคยไหมที่ภาพความทรงจำต่างๆ ที่เราเคยได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันในวันเก่าๆ มันผุดขึ้นมาเป็นภาพสไลด์ฉายให้เราดูอยู่ซ้ำๆ อย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน ภาพแววตาของเค้า ภาพรอยยิ้มของเค้า ภาพความผูกพันในช่วงเวลาต่างๆ ทั้งสุขทั้งทุกข์คละเคล้าระคนกันไป ตลอดเวลาที่ได้ใช้เวลาและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ถึงแม้จะเป็นเวลาที่ไม่ได้มากมายอะไร แต่มันช่างทำให้ดวงใจน้อยๆ ของเรานั้นสั่นสะเทือนไปหมดทั้งดวง
รูปภาพเก่าที่เราเคยไปไหนมาไหนด้วยกัน ภาพสถานที่ที่เคยไปเยือนด้วยกัน มันช่างเป็นภาพที่ยังสวยสดงดงามและตราตรึงจิตใจดวงนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
แต่ถึงแม้ว่าจะพยายามทำใจให้ลืมสักเท่าใดก็ตาม ภาพแห่งความทรงจำนั้น ก็จะคอยวนเวียนมาย้ำเตือน ฉายภาพให้เราได้เห็น และได้นึกถึงอยู่อย่างแจ่มชัดในทุกครั้งไป
และดูเหมือนว่า ยิ่งเราจะพยายามทำใจให้ลืมมากเท่าใดก็ตาม ก็ดูเหมือนว่า ใจของเราเองก็จะยิ่งจดจำได้เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
ทุกครั้งที่นึกย้อนกลับไปในวันวาน ก็ยังรู้สึกเสียใจ และเฝ้าแต่โทษตัวเองอยู่จนถึงวินาทีนี้ว่า ทำไมเราถึงรักษาเค้าไว้ไม่ได้นะ…!!!
หากจะพูดถึงอุปนิสัยใจคอของเค้าแล้ว ก็ถือได้ว่าเป็นคนดีใช้ได้ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องของเคมีความเข้ากันได้ระหว่างเราสองแล้ว ก็นับว่าเป็นอะไรที่เข้ากันได้ดีมากเลยทีเดียว
ถึงเค้าอาจจะมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่ก็มีเพียงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง ควรที่จะมองข้ามไปให้หมดสิ้น หากแต่ว่าตัวเราเองนั่นแหละ ที่ก็ยังถือสาหาความเอาเป็นเรื่องเป็นราว แสดงสีหน้าและอารมณ์ให้เค้าต้องรู้สึกเสียใจ น้อยใจและรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเราอยู่บ่อยครั้ง โดยที่ไม่เคยแคร์ความรู้สึกของเค้าแม้แต่น้อย (อันที่จริงแล้วก็แคร์เสมอแหละ แต่ไม่แสดงออก)
ในห้วงเวลาที่เค้าอยู่กับเราในวันเวลาที่ผ่านมา เราเองกลับไม่ค่อยรู้สึกรู้สา ไม่ค่อยแสดงออกว่ามีความรู้สึกที่ดีมากสักเพียงใด หรือแสดงออกให้เห็นว่าเค้านั้นมีความสลักสำคัญกับชีวิตของเรามากแค่ไหน
แต่ห้วงเวลาที่เราต้องห่างหายกันไปไกลอย่างนี้ เป็นช่วงเวลาที่ตัวเค้าเองเป็นฝ่ายหันหลังให้กับเราอย่างสิ้นเชิงแบบนี้บ้าง ตัวเราเองกลับยิ่งทวีความทุกข์ร้อนใจ ยามตื่นก็รู้สึกเดือดร้อน ยามนอนก็ทุกข์ระทม เป็นความทุกข์ที่ต้องคิดถึงเค้าคนนั้น เป็นความทุกข์ที่ถูกปล่อยทิ้งให้อยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวหัวใจอยู่เช่นนี้
แม้พยายามจะลืมเขาอย่างไร แม้พยายามหาอะไรทำ เพื่อให้ความคิดถึงเค้านั้นได้บรรเทาเบาบางลงสักเท่าไร ก็เป็นได้เพียงแค่การหลอกตัวเอง เป็นได้แค่เพียงการปลอบประโลมใจตัวเองให้รู้สึกดีขึ้นก็เท่านั้น แม้จะพยายามทำอะไรต่อมิอะไรเพื่อให้ลืมเค้าให้ได้ด้วยสรรพวิธีการแล้วก็ตาม
แม้ว่าการพบปะผู้คนหรือการทำงานในแต่ละวัน อาจมีส่วนช่วยให้หัวใจของเรานั้นดีขึ้นได้บ้าง หรือพอที่จะทำให้ใจของเราลืมเขาได้บ้างก็จริง
แต่ทุกท่านเชื่อหรือไม่ว่า ช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุดที่หัวใจดวงนี้ต้องเผชิญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็คือ ช่วงเวลาตอนกลางคืนนี้เอง
เพราะเหตุว่า ช่วงเวลากลางคืนนั้น เราต้องกลับเข้ามาอยู่อย่างโดดเดี่ยว อยู่เพียงคนเดียว อยู่กับความเงียบ อยู่กับความเหงา อยู่กับความรู้สึก อยู่กับความนึกคิด และแล้วในที่สุด ภาพแห่งความทรงจำต่างๆ ที่มีระหว่างเรากับเค้าก็ได้ผุดขึ้นมาเป็นภาพฉายซ้ำวนเวียนหลอกหลอนให้เรารู้สึกใจหวิวอยู่ได้ตลอดเวลา
จริงอยู่ แม้ว่าจิตใจของเราเองก็พอจะทำใจรับได้บ้างแล้วก็ตาม แต่ถ้าหากว่า การจากกันครั้งนี้เป็นเพียงการจากกันหรือการห่างกันด้วยระยะทางที่ห่างไกลเท่านั้น แต่ยังมีช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างกันที่ยังคงดำเนินต่อไปได้อย่างเป็นปรกติเช่นเดิมก็คงจะดีไม่ใช่น้อย
แต่นี่เป็นเพราะว่า การจากลาหรือการต้องห่างกันที่ไกลแสนไกลในครั้งนี้ เป็นการจากลาที่ไร้วี่แววของการติดต่อสื่อสารระหว่างกันอย่างเคยๆ เป็นการจากลาที่สร้างร่องรอยของบาดแผลประทับลงบนหัวใจของคนสองคน ปรากฏเป็นร่องรอยของความปวดร้าวในความรู้สึกของคนสองคนเข้ามาแทนที่
ถึงแม้ว่าในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ตัวเราเองจะไม่เคยได้รับรู้มาก่อนเลยว่า อะไรหนอที่เป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่ตัวเราเองนั้นได้กระทำ หรือแสดงออกไปให้เค้ารู้สึกแย่หรือไม่สบายใจ
และถึงแม้ว่าเราจะพยายามจะสืบเสาะแสวงหาและคิดทบทวนตัวเองมาโดยตลอดว่า สิ่งไหน เหตุการณ์ใดหนอ ที่มันร้ายแรงพอที่จะทำให้เป็นชนวนเหตุแห่งความบาดหมางระหว่างเราสองคน
พยายามคิดทบทวนด้วยเหตุผลครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ไม่อาจค้นหาต้นตอที่เป็นต้นเหตุของความผิดพลาดของเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้เลยสักที
ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ เพราะถ้าหากว่าเราได้รับรู้มาก่อนแม้เพียงสักนิดว่า ความผิดพลาดสำคัญอย่างไหนของเราที่เป็นเหตุให้เค้าตัดสินใจเดินจากเราไปในครั้งนี้ ก็จะพอจะมีคำตอบให้กับกับตัวเองได้บ้าง หรือพอที่จะบอกกับใจของตัวเราเองได้บ้างว่า เหตุใดเค้าจึงตัดสินใจจากลา…
จะว่าไปแล้ว ข้อบกพร่องผิดพลาด ความเอาแต่ใจ ความง้องอน ความหงุดหงิดงุ่นง่าน ที่แสดงออกระหว่างเราสองคนนั้น ถ้าหากจะวัดกันด้วยเหตุผลและชั่งน้ำหนักเปรียบเทียบระหว่างกันแล้ว ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับเกณฑ์ที่พอๆ กันเสียด้วยซ้ำ แต่คิดว่าของเราน่าจะเยอะเกินไปสักนิดหน่อย แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นเหตุให้เหตุการณ์ต้องจบอย่างนี้ (อันนี้คิดเข้าข้างตัวเอง)
จำได้ว่า ทุกๆ ครั้งที่เรางอนหรือไม่พอใจอะไร เค้าก็จะเป็นฝ่ายง้อก่อนตลอด
แต่ก็อย่างว่า ภาษิตโบราณของไทยได้กล่าวไว้อย่างน่าคิดว่า “อย่างอนจนเกินงาม”
เหตุผลของภาษิตโบราณของไทยนี้น่าจะเป็นจริงดังว่า เพราะเหตุที่ว่าเรางอนจนเกินงาม หรือถ้าหากจะใช้ภาษาวัยรุ่นในปัจจุบันก็คงจะเป็นคำว่า “เยอะ” นั่นเอง
ต้องยอมรับกับเค้าและกับทุกคนตรงนี้กันแบบตรงๆ ว่า รู้สึกเสียใจทุกครั้งที่ไม่สามารถดึงใจเค้าให้อยู่กับเราได้ และก็คงไม่คิดโทษใครอื่น คงคอยเฝ้าแต่โทษตัวเองเท่านั้นที่ปล่อยให้คนดีๆ แบบนี้ต้องหลุดลอยจากชีวิตของเราไปอย่างน่าเสียดาย
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นนิสัยแย่ๆ ของตัวเราเอง หรือไม่ว่าจะมีใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเสนอเข้ามาในชีวิตของเค้าแทนที่เราก็ตาม ก็คงต้องก้มหน้ายอมรับความจริงข้อนี้อยู่เช่นเดิม
เพราะแม้ว่าเราจะโวยวาย ตีอกชกพื้น เรียกร้องหาความเป็นธรรม ร่ำร้องให้เค้ากลับคืนมาสักเพียงใด ในตอนนี้ ก็คงเป็นได้เพียงแค่ความฝันเท่านั้น คงต้องยอมรับและอยู่กับความเป็นจริงที่ขมขื่นเช่นนี้ ต้องทนฝืนใจที่สุดแสนจะบอบช้ำและเจ็บปวดในทุกครั้ง ที่ภาพแห่งความทรงจำต่างๆ ในวันเดิมๆ ของเราสองคน คอยผุดขึ้นมาหลอกหลอนให้หวนคิดถึงเค้าอยู่ทุกคืนวันมิสร่างซา….
คิดถึงมากนะ…
คิดถึงเสมอ…
อยากให้ย้อนวันเวลากลับไปเริ่มต้นใหม่ได้อีกสักครั้ง ขอโอกาสแค่เพียงอีกสักครั้ง จะทำให้ดีที่สุด…
ขอสัญญา…
คิดถึง…
แพรวพราวดอทคอม/
praewprouds.com
“แพรวด้วยความรู้
พราวด้วยประสบการณ์”