ความดี 3 อย่าง นำทางชีวิต
คนเราทุกคนล้วนแล้วแต่เคยได้ยินและเคยได้ฟังจนคุ้นเคยกับคำว่า “ความดี” มานานมากแล้ว นานพอๆ ตั้งแต่เริ่มจำความได้ โดยทั่วไปแล้ว เราจะรู้จักความดีนี้ ในความหมายเชิงยกย่อง ในความหมายในเชิงชื่นชม และในความหมายเชิงสรรเสริญ
วันนี้ เรามาทำความรู้จักความดี 3 อย่าง ซึ่งเป็นดุจดังแสงสว่างนำทางแห่งชีวิตให้ก้าวไปสู่ความเป็นชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองงอกงามไพบูลย์ นำพาชีวิตให้ไปสู่ฝั่งฝันแห่งความสำเร็จได้ เป็นสิ่งที่คอยนำทางพาเราพุ่งมุ่งตรงไปสู่ความดีงาม ความเป็นสิริมงคล และความนิยมชมชอบได้อย่างแน่นอนที่สุด จึงเป็นสิ่งที่ควรทำให้เกิดมีขึ้นในจิตในใจ ในทุกการกระทำ และในทุกคำพูด ก็ล้วนแล้วแต่ให้มีส่วนประกอบของความดีงามเป็นส่วนผสมสำคัญ ความดี 3 อย่างที่กล่าวมานั้น ได้แก่
- กายสุจริต คือ ความดีทางกาย
- วจีสุจริต คือ ความดีทางวาจา หรือ คำพูด
- มโนสุจริต คือ ความดีทางใจ หรือ ทางความคิด
จะสังเกตได้ว่า ในภาษาบาลีจะใช้คำว่า “สุจริต” แทนความหมายของคำว่า “ดี” มีความหมายตรงกันข้างกันกับคำว่า “ทุจริต” ซึ่งหมายถึง “ความชั่ว”
ในภาษาไทยมักนิยมใช้คำว่า “สุจริต” เป็นคำพูดในเชิงอบรมสั่งสอน ชี้แนะ แนะนำ เช่นคำว่า ให้มีความซื่อสัตย์สุจริต, ควรประพฤติให้เป็นสุจริต, สุจริตชน เป็นต้น
เราสามารถจำแนกประเภทของความดีออกได้เป็น 3 อย่าง ซึ่งในแต่ละอย่างก็จะมีรายละเอียดปลีกย่อยให้ความหมายของคำว่าสุจริตแต่ละอย่างๆ ในบรรดาความดีทั้ง 3 อย่างนั้นดังนี้
- กายสุจริต หรือ ความประพฤติดีทางกาย หมายถึง ความดีที่ต้องกระทำผ่านทางกาย เช่น ความเป็นคนมีเมตตากรุณากับคนอื่นและสัตว์อื่น ความเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ไม่ทุจริตคดโกง ไม่เป็นคนคดในข้องอในกระดูก ไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ไม่กินสินบาทคาดสินบน ความเป็นคนไม่ประพฤตินอกใจคู่ครอง ความเป็นคนที่ไม่ดื่มสุราเมรัยห่างไกลยาเสพติดทุกประเภท เป็นต้น เหล่านี้ทั้งหมด ถือเป็นการกระทำสุจริตทางกาย หรือเป็นการทำความดีทางกาย
- วจีสุจริต หรือ คำพูดดี คำพูดไพเราะ เช่น การพูดแต่ความจริง ไม่มีพฤติกรรมมายาหลอกลวงผู้อื่น พูดใจไพเราะ พูดจาให้กำลังใจ พูดจาอย่างสร้างสรรค์ พูดแต่ในสิ่งที่เป็นความจริงและเป็นประโยชน์แก่ผู้ฟัง เป็นต้น ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จัดอยู่ในความสุจริตทางวาจา หรือ การกระทำความดีทางวาจา
- มโนสุจริต หรือ ความคิดความอ่านที่ดี หรือ ความคิดดี คิดเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปันช่วยเหลือผู้อื่น ไม่คิดเบียดเบียนพยาบาทผูกอาฆาตในผู้อื่น คิดอย่างร้างสรรค์ คิดอย่างถูกต้องชอบธรรม คิดอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เป็นต้น เหล่านี้ทั้งหมด จัดอยู่ในมโนสุจริต หรือความคิดที่ดี
สุจริต หรือ ความดีทั้ง 3 อย่างนี้ ถือเป็นแสงสว่างที่จะนำทางชีวิตของเราให้ประสบแต่สิ่งที่ดี ประสบแต่สิ่งที่เป็นมงคล ประสบแต่ความสุขความเจริญ พัฒนาตนเองไปในทางที่ถูกที่ควร
เมื่อคนเราคิด ทำ และพูดในสิ่งที่เป็นไปตามทำนองคลองธรรม ยึดมั่นในหลักของความถูกต้อง ชีวิตก็จะมีแต่ความสุขความเจริญรุ่งเรือง นำมาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศเงินทอง ทำให้เป็นคนมีแบบแผนที่ดีในการดำเนินชีวิตให้ประสบความสำเร็จ ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ได้พบพระพุทธศาสนา เกิดมาทั้งที แถมทำความดีจนได้ หรือจะกล่าวว่า “ได้ดิบได้ดี” ก็คงจะไม่เกินจริงสักเท่าใดนัก
ดังนั้น คนเราจึงควรแสวงหาความดี หรือ สุจริต ทั้ง 3 อย่างข้างต้นนั้นให้เจอ และได้พบได้เจอเข้าแล้ว ก็ขอให้ยึดมั่น เกาะกุมไว้เป็นหลักประกันความดีไว้สำหรับตนให้ได้ คอยประคับประคองชีวิตของเราให้ทำแต่เรื่องที่สุจริต ให้คิด พูด หรือทำแต่สิ่งที่เป็นความดีเท่านั้น เพื่อให้ชีวิตของเราดำเนินไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองงอกงามไพบูลย์ เป็นแสงแห่งธรรมที่จะนำทางของเราไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตต่อไป
ความดี ไม่มีขาย อยากได้ ให้ทำเอง…
“แพรว…ด้วยความรู้ – พราว…ด้วยประสบการณ์”